วันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

บันทึกการเรียนรู้ในชั้นเรียนและนอกชั้นเรียน(สัปดาห์ที่5)


บันทึกการเรียนรู้ในชั้นเรียน

                    ในวันที่ 4 กรกฏาคม พ.ศ. 2556   ได้เข้าเรียนวิชาการพัฒนาหลักสูตร เป็นคาบที่5อาจารย์วัยวุฒ อินทวงศ์ ให้นักศึกษาออกไปนำเสนองานที่ได้รับมอบหมายในคาบก่อนหน้านี้เกี่ยวกับเรื่องสังคมและวัฒนธรรม ปรัชญาการศึกษา การเมือง การปกครอง เศรษฐกิจ จิตวิทยา และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและอาจารย์ได้ให้นักศึกษาคิดแบบฟอร์มสำรวจข้อมูลพื้นฐาน ซึ่งมีเนื้อหาดังต่อไปนี้
                           ข้อมูลพื้นฐานทางด้านสังคมและวัฒนธรรม
     การพัฒนาหลักสูตรจำเป็นต้องคำนึงถึงข้อมูลทางสังคมและวัฒนธรรมที่เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ ซึ่งสามารถจำแนกข้อมูลได้ดังนี้
     1.1 โครงสร้างทางสังคม
โครงสร้างสังคมไทยแบ่งออกเป็น 2  ลักษณะคือ 
     -
ลักษณะสังคมชนบทหรือสังคมเกษตรกรรม
     -
สังคมเมืองหรือสังคมอุตสาหกรรม
     1.2 ค่านิยมในสังคม
    
ค่านิยม หมายถึง สิ่งที่คนในสังคมเดียวกันมองเห็นว่ามีคุณค่าเป็นที่ยอมรับหรือเป็นที่ปรารถนาของคนทั่วไปในสังคมนั้นๆดังนั้นการพัฒนาหลักสูตรจำเป็นต้องศึกษาค่านิยมต่างๆในสังคมไทย  หน้าที่ของนักพัฒนาหลักสูตรที่จะศึกษาและเลือกค่านิยมที่ดีและสอดแทรกไว้ในหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอนเพื่อปลูกฝังและสร้างค่านิยมที่ดีในสังคมไทย  
1.3 ธรรมชาติของคนในสังคม 
    
การพัฒนาหลักสูตรควรคำนึงถึงลักษณะธรรมชาติ  บุคลิกภาพของคนในสังคม   โดยศึกษาพิจารณาว่าลักษณะใดควรจะคงไว้ลักษณะใดควรจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่  พึงประสงค์ของสภาพสังคมปัจจุบัน เพื่อที่จะจัดการศึกษาในอันที่จะสร้างบุคลิกลักษณะของคนในสังคมตามที่สังคมต้องการ  เพราะหลักสูตรเป็นแนวทางในการสร้างลักษณะสังคมในอนาคต
     1.4 การชี้นำสังคมในอนาคต 
    
การศึกษาควรมีบทบาทในการชี้นำสังคมในอนาคตด้วยเพราะในอดีตที่ผ่านมาระบบการศึกษา  และระบบพัฒนาหลักสูตรของไทยเป็นลักษณะของการตั้งรับมาโดยตลอด ฉะนั้นการจัดการศึกษาที่ดีควรใช้การศึกษาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาประเทศในอนาคตให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
     1.5 ลักษณะสังคมตามความคาดหวัง 
    
การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีคุณภาพในการดำรงชีวิต จรรโลงสภาพสังคมในอนาคตให้ดีขึ้นลักษะประชากรที่มีคุณภาพดีมีดังนี้
 - 
มีสุขภาพกาย สุขภาพจิตดี
- 
มีอาชีพเพื่อเลี้ยงตัวเองและครอบครัว ทำประโยชน์แก่ครอบครัว
- 
เป็นสมาชิกที่ดีของสังคม  เป็นพลเมืองที่ดีของชาติ
- 
มีสติปัญญา หมั่นเสริมสร้างความรู้ความคิดอยู่เสมอ
- 
มีนิสัยรักการทำงาน ขยัน อดทน ประหยัด ซื่อสัตย์ภักดี
- 
มีมนุษยสัมพันธ์ และมีมนุษยธรรม
    
การจัดการศึกษาจำเป็นต้องวางแผนและดำเนินการเชิงรุก โดยการให้ความสำคัญกับการคาดการณ์ แนวโน้มอนาคตทางด้านการศึกษา เพื่อให้การจัดการศึกษาในประเทศให้สอดคล้องกับสภาพการเปลี่ยนแปลง รวมถึงใช้ประโยชน์สูงสุดจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
     1.6 ศาสนาและวัฒนธรรมในสังคม
     ศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของคนในสังคม เพราะฉะนั้นสิ่งที่บรรจุไว้ในหลักสูตรควรเป็นหลักธรรมในศาสนาต่างๆและควรเปรียบเทียบหลักธรรมของศาสนาเหล่านั้นเพื่อให้ผู้เรียนได้ทราบว่าทุกศาสนามีเป้าหมายสูงสุดร่วมกัน  คือสอนให้คนเป็นคนดีเพื่อความสงบสุขในการอยู่ร่วมกันในสังคม
    
สรุป การพัฒนาหลักสูตรสำหรับผู้เรียนให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมในปัจจุบัน สิ่งที่ต้องติดตามและให้ความสำคัญคือ การศึกษาแนวโน้ม ทิศทางการเปลี่ยนแปลงของโลก ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจสังคม การเมือง การศึกษา ดังนั้นหลักสูตรที่พัฒนาขึ้นต้องมุ่งเน้นพัฒนาทักษะการคิด และทักษะชีวิตให้สอดคล้องกับวิถีชีวิต อาชีพ วัฒนธรรมสภาพแวดล้อมและทรัพยากรชุมชน ตลอดถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทย วิถีไทย ให้ผู้เรียน มีความรู้ คุณลักษณะที่พึงประสงค์ ดำรงตนภายใต้ความพอเพียง และมีทักษะที่จำเป็นในการใช้ชีวิตอยู่ในสังคมไทยเพื่อร่วมกันสร้างสรรค์ให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้
                                                             
ปรัชญาการศึกษา
     1. ปรัชญาการศึกษาสารัตถนิยม (Essentialism) มาจากปรัชญาพื้นฐาน 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายจิตนิยมและวัตถุนิยม
     องค์ประกอบของการศึกษา
1) หลักสูตร ยึดเนื้อหาวิชาเป็นสำคัญ

2) ครู เป็นบุคคลที่มีความสำคัญอย่างมากการศึกษาจะต้องมาจากครูเท่านั้น
3) ผู้เรียนหรือนักเรียนตามปรัชญาการศึกษาสารัตถนิยม จะต้องเป็นผู้สืบทอดค่านิยมไว้และถ่ายทอดไปยังคนรุ่นหลัง
4) โรงเรียน มีบทบทในการจัดการศึกษาให้สอดคล้องกับสังคม

5) กระบวนการเรียนการสอนขึ้นอยู่กับครูเป็นสำคัญ
    
2. ปรัชญาการศึกษานิรันตรนิยม (Perennialism)มีรากฐานมาจากปรัชญา จิตนิยมและปรัชญาวัตถุนิยม ปรัชญาการศึกษาลัทธินี้แบ่งออกเป็น 2 ทัศนะ คือ ทัศนะในเรื่องเหตุผลและสติปัญญา และทัศนะเรื่องศาสนา
     จุดมุ่งหมายของการศึกษา  ปรัชญาการศึกษาลัทธินี้มีจุดมุ่งหมายที่จะสร้างคนให้เป็นคนที่สมบูรณ์เพราะมนุษย์มีพลังธรรมชาติอยู่ในตัว พลังในที่นี้คือสติปัญญา จะต้องพัฒนาสติปัญญาของมนุษย์
     องค์ประกอบของการศึกษา
1)
หลักสูตร กำหนดโดยผู้รู้หรือผู้เชี่ยวชาญ เป็นหลักสูตรที่เน้นวิชาทางศิลปะศาสตร์ (Liberal arts)
2)
ครู ปรัชญาการศึกษานี้มีความเชื่อว่าเด็กเป็นผู้มีเหตุผลและมีชีวิตมีวิญญาณ
3)
ผู้เรียน โดยมุ่งพัฒนาเป็นรายบุคคล
4)
โรงเรียน ไม่มีบทบาทต่อสังคมโดยตรง เพราะเน้นที่ตัวบุคคลเป็นหลัก
5)
กระบวนการเรียนการสอน ใช้วิธีท่องจำเนื้อหาวิชาต่าง ๆ และฝึกให้ใช้ความคิดหาเหตุผล
     3.
ปรัชญาการศึกษาพิพัฒนาการนิยม (Progessivism) ปรัชญานี้เน้นกระบวนการ โดยเฉพาะกระบวนการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์เมื่อนำมาใช้กับการศึกษา แนวทางของการศึกษาจึงต้องพยายามปรับปรุงให้สอดคล้องกับกาลเวลาและภาวะแวดล้อมอยู่เสมอการศึกษาจะไม่สอนให้คนยึดมั่นในความจริง ความรู้ และค่านิยมที่คงที่ หรือสิ่งที่กำหนดไว้ตายตัว ต้องหาทางปรับปรุงการศึกษาอยู่เสมอ เพื่อนำไปสู่การค้นพบความรู้ใหม่ ๆ
     จุดมุ่งหมายของการศึกษา ปรัชญาการศึกษาพิพัฒนาการนิยม ไม่มีจุดมุ่งหมายที่ตายตัว เพราะชีวิตเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอตามกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกวัตถุประสงค์ของการศึกษาก็เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อให้ผู้เรียนเกิดแนวทางในการแก้ปัญหา
     องค์ประกอบของการศึกษา

1) หลักสูตร  ครอบคลุมชีวิตประจำวันทุกรูปแบบที่ก่อให้เกิดการเรียนรู้
2) ครู ไม่เป็นผู้ออกคำสั่ง แต่ทำหน้าที่ในการแนะแนวทางให้แก่ผู้เรียนแล้วจัดประสบการณ์ที่ดีที่เหมาะสมให้แก่ผู้เรียน
3) นักเรียน ปรัชญานี้ให้ความสำคัญแก่ผู้เรียนโดยเน้นให้ลงมือกระทำด้วยตนเอง (Learning by
doing)
4) โรงเรียน ทำหน้าที่เป็นแบบจำลองสังคม
5) กระบวนการเรียนการสอน เป็นการสอนที่ยึดเด็กเป็นศูนย์กลาง (Child centered)
     4.ปรัชญาการศึกษาปฏิรูปนิยม (Reconstructionism) มีความเชื่อว่า ความรู้ ความจริง เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ความรู้เป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหา ปรัชญาพิพัฒนาการนิยมเน้นความสำคัญของการพัฒนาผู้เรียน
     องค์ประกอบของการศึกษา
1.หลักสูตร เนื้อหาวิชาที่นำมาบรรจุไว้ในหลักสูตร จะเกี่ยวกับปัญหาและสภาพของสังคม
2. ครูทำหน้าที่รวบรวม สรุป วิเคราะห์ปัญหาของสังคมแล้วเสนอแนวทางให้ผู้เรียนแก้ปัญหาของสังคม
3. ผู้เรียน ปรัชญานี้เชื่อว่า ผู้เรียนคือผู้ที่มีความสามารถในการวิเคราะห์ปัญหาสังคม
4.โรงเรียน ตามปรัชญาการศึกษาปฏิรูปนิยมโรงเรียนจะมีบทบาทต่อ
5.
กระบวนการเรียนการสอน มีลักษณะคล้ายกับปรัชญาการศึกษาพิพัฒนาการนิยม

สังคมโดยตรง โดยมีส่วนในการรับรู้ปัญหาของสังคม
            5. ปรัชญาการศึกษาอัตถิภาวนิยม (Existentialism) มีความเชื่อในเรื่องเกี่ยวกับการมีชีวิตอยู่จริงของมนุษย์ มนุษย์จะต้องเข้าใจและรู้จักตนเอง มนุษย์ทุกคนมีความสำคัญและมีลักษณะเด่นเฉพาะตนเอง
           
จุดมุ่งหมายของการศึกษา  การศึกษาจะต้องทำให้ผู้เรียนมีความเข้าใจตนเอง ว่ามีความต้องการอย่างไร แล้วพัฒนาตนเองไปตามความต้องการอย่างอิสระ เพื่อจะได้พัฒนาความเป็นมนุษย์ของตนเองได้อย่างเต็มที่ด้วยการเลือกเรียนได้ตามความพอใจ และมีความรับผิดชอบในสิ่งที่เลือก
            องค์ประกอบของการศึกษา
1) หลักสูตร ไม่กำหนดตายตัว แต่ต้องเป็นหลักสูตรที่ช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจตนเองได้ดีขึ้น เนื้อหาของหลักสูตรจะเน้นทางสาขามนุษยศาสตร์ (Humanities)
2) ครู มีบทบาทคล้ายกับปรัชญาพิพัฒนาการนิยม ทำหน้าที่คอยกระตุ้นหรือเร้าให้ผู้เรียนตื่นตัว
3) ผู้เรียน ให้ความสำคัญกับผู้เรียนมากที่สุด ให้ผู้เรียนรู้จักตนเองและเข้าใจตนเอง
4) โรงเรียน ต้องสร้างบรรยากาศแห่งเสรีภาพทั้งในและนอกห้องเรียน
5) กระบวนการเรียนการสอน เน้นการกระตุ้นให้ผู้เรียนเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด ให้ผู้เรียนพบความเป็นจริงด้วยตัวเอง เปิดโอกาสให้ผู้เรียนเลือกเรียนด้วยตนเอง กระบวนการเรียนการสอนจะเน้นการมีส่วนร่วมเป็นหลักสำคัญในการเรียนรู้
                
ข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนาหลักสูตรด้านการเมือง การปกครอง

            มโนทัศน์สำคัญ

                 ข้อมูลพื้นฐานเป็นข้อมูลในด้านต่างๆที่จำเป็น ซึ่งนักพัฒนาหลักสูตรจะต้องศึกษาวิเคราะห์และใช้ประกอบการพิจารณาในการสร้างหรือจัดทำหลักสูตรในทุกองค์ประกอบของหลักสูตร  อันได้แก่  ข้อมูลทางสังคม  วัฒนธรรม  เศรษฐกิจ  การเมืองการปกครอง
                
การศึกษาข้อมูลพื้นฐานเป็นขั้นตอนแรกสุดของกระบวนการพัฒนาหลักสูตร  ผลจากการศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลดังกล่าวจะนำไปใช้ในกระบวนการพัฒนาหลักสูตรในขั้นตอนต่างๆ
              
ตั้งแต่กระบวนการกำหนดจุดมุ่งหมายของหลักสูตร กระบวนการกำหนดเนื้อหาและประสบการณ์การเรียนรู้  กระบวนการจัดการกิจกรรมการเรียนการสอนและกระบวนการประเมินผล  เพื่อให้ได้หลักสูตรที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียนและสังคม   เพราะฉะนั้นในการพัฒนาหลักสูตรระดับต่างๆในอนาคตจะต้องศึกษาข้อมูลพื้นฐานในเรื่องต่างๆจากหลายๆแห่งและจากบุคคลหลายๆฝ่าย  เพื่อให้ได้ข้อมูลที่แท้จริงมาพัฒนาหลักสูตร
                      ข้อมูลพื้นฐานทางด้านการเมืองการปกครอง
           
การเมืองการปกครองมีความสัมพันธ์กับการศึกษา ในฐานะที่การศึกษามีหน้าที่ผลิตสมาชิกที่ดีให้แก่สังคม หลักสูตรจึงควรบรรจุเนื้อหาวิชาและประสบการณ์ที่จะปลูกฝังให้ประชากรอยู่ร่วมกันในสังคมได้ด้วยความเป็นระเบียบเรียบร้อยและสันติสุข
          
ข้อมูลที่เกี่ยวกับการเมืองการปกครองที่ควรจะนำมาเป็นพื้นฐานประกอบการพิจารณาในการพัฒนาหลักสูตรก็คือ ระบบการเมือง และระบบการปกครอง นโยบายของรัฐ และรากฐานของประชาธิปไตย ฯลฯ เป็นต้น
          นโยบายของรัฐ

             เนื่องจากการศึกษาเป็นส่วนหนึ่งของระบบสังคมจึงมีความจำเป็นต้องสอดคล้องกับระบบอื่นๆ ในสังคม นโยบายของรัฐที่เห็นได้ชัด คือ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ  แผนพัฒนาการศึกษาในการพัฒนาหลักสูตรควรจะได้พิจารณานโยบายของรัฐด้วย เพื่อที่จะได้จัดการศึกษาให้สอดคล้องกัน
           รากฐานของประชาธิปไตย
            จากการที่ประเทศไทยได้เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตยในปี พ.ศ.2475
            หลักสูตรในฐานะที่เป็นเครื่องมือสำหรับพัฒนาคนควรที่จะได้วางรากฐานที่เกี่ยวกับประชาธิปไตยให้แก่สังคม เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจอันถูกต้อง
            กล่าวโดยสรุปคือสามารถใช้หลัดสูตรเป็นเครื่องมือในการสร้างสังคมใหม่ในทิศทางที่ถูกต้องได้  การพัฒนาหลักสูตรจำเป็นต้องศึกษา  วิเคราะห์  สำรวจ  วิจัย  สภาพพื้นฐานด้านต่างๆเพื่อให้ได้ข้อมูลอย่างเพียงพอที่จะใช้สนับสนุน  อ้างอิงในการตัดสินใจดำเนินการต่างๆเพื่อให้ได้หลักสูตรที่ดี  สามารถพัฒนาให้ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถ  และทัศนะคติที่จะนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อตนเองและสังคมได้
                 
การพัฒนาเศรษฐกิจ (Economic development)
       Economic Development และ Economic Growth แตกต่างกันอย่างไร?

¢ Economic Development คือ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคม

¢  Economic Growth คือ เปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจเท่านั้น

ดังนั้น *** การเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการพัฒนาเศรษฐกิจความหมาย
                  การทำให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจในลักษณะที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างการผลิต โครงสร้างทางสังคม ค่านิยม ทัศนคติ การศึกษา ระบบการปกครอง และการใช้ทรัพยากรที่สอดคล้องและเหมาะสมกับความต้องการของประเทศ
 
           ความสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจ
                กระบวนการที่ทำให้รายได้ที่แท้จริงเฉลี่ยต่อบุคคล (
Real Per Capita Income) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการกระจายรายได้เป็นธรรม ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี
          การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ
              
การเพิ่มขึ้นของผลผลิต/รายได้ต่อบุคคลที่แท้จริง
         เครื่องบ่งชี้ระดับการพัฒนาเศรษฐกิจ

             การเพิ่มขึ้นของรายได้ประชาชาติที่แท้จริงต่อบุคคล

             อัตราค่าจ้างแรงงาน

             อายุขัยโดยเฉลี่ยของประชากร

             อัตราการรู้หนังสือ

             อัตราการรู้หนังสือ

             อัตราการเพิ่มของพลเมือง

    ลักษณะของประเทศกำลังพัฒนา

        ประชากรส่วนใหญ่มีมาตรฐานการครองชีพต่ำ

         มีอัตราการขยายตัวของประชากรสูง

         ขาดความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี

         ขาดแคลนเงินออม

         สภาพสังคมไม่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนา

         ต้องพึ่งพาและถูกครอบงำจากต่างประเทศ

   ปัจจัยทางเศรษฐกิจที่มีอิทธิพลต่อการพัฒนา

        ทรัพยากรมนุษย์

        ทรัพยากรธรรมชาติ

        การสะสมทุน

        ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี

     กลยุทธ์การพัฒนาเศรษฐกิจ

        การเติบโตแบบสมดุล

        การเติบโตแบบไม่สมดุล

        ผลิตเพื่อทดแทนการนำเข้า

        พัฒนาระหว่างสาขาการผลิต 

   เป้าหมายของการพัฒนาเศรษฐกิจ

        เพื่อทำให้รายได้ประชาชาติสูงขึ้น

        เพื่อลดอัตราการว่างงาน,เงินเฟ้อ/ฝืด

        ดุลการชำระเงินสมดุล

        การกระจายรายได้เป็นธรรม

        พัฒนาทรัพยากรมนุษย์

    การวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจ

            เป็นการกำหนดแนวทางการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างที่สำคัญทางเศรษฐกิจและสังคม  โดยกำหนดออกมาในรูปแบบของเอกสารที่เรียกว่า แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
            จัดทำโดย  สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ : สศช.   เริ่มจัดทำครั้งแรกเมื่อ พ.ศ 2504

แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 9 (พ.ศ. 2545-2549)

·       เป็นแผนที่อัญเชิญแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำรัส ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาเป็นแนวทางในการพัฒนา

·       ยึดหลักทางสายกลางสามารถพึ่งตนเองได้และนำไปสู่การ พัฒนาที่ยั่งยืน

·       คนเป็นศูนย์กลางในการพัฒนา

                                                        แนวความคิดจิตวิทยา

                 แนวความคิดจิตวิทยา คือ ศาสตร์ที่ว่าด้วยการศึกษาเกี่ยวกับจิตใจ กระบวนความคิด และพฤติกรรม ของมนุษย์ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
โครงสร้างของจิตวิทยาประกอบด้วยโครงสร้าง 3 ส่วนใหญ่ ๆ คือ
        1. ลักษณะเนื้อหาวิชา แบ่งเป็นเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ พัฒนาการของมนุษย์พันธุกรรมระบบการตอบสนองการรับรู้การรู้สึกแรงจูงใจอารมณ์ภาษา การคิด และการแก้ปัญหาเชาวน์ปัญญาและการทดสอบเชาวน์ปัญญาบุคลิกภาพแบบต่าง ๆ และการประเมินบุคลิกภาพ,
        2.เป้าหมายของจิตวิทยา เป้าหมายของการศึกษาได้มาจากวิธีการที่แตกต่างกัน 3 ประเภท ได้แก่การวิจัยบริสุทธิ์หรือการวิจัยพื้นฐาน มาจากการค้นคว้าด้วยใจรัก ค้นหาหลักการของพฤติกรรมทั้งของมนุษย์และสัตว์ โดย ไม่ได้คำนึงว่าจะสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับสังคมได้หรือไม่
ความมุ่งหมายและประโยชน์
        1.จุดมุ่งหมาย จิตวิทยาการศึกษาเน้นในเรื่องของการเรียนรู้ และการนำไปประยุกต์ในการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ตรงกับเป้าหมายการเรียนรู้อย่างแท้จริง จุดมุ่งหมายนี้ต้องครบทั้ง 3 ด้าน คือ ด้านความคิด ด้านอารมณ์ และด้านการปฏิบัติ
        2.ด้านการเรียนการสอน ช่วยให้ครูเข้าใจเด็ก สามารถจัดการสอนให้สอดคล้องกับความ ต้องการ สนใจความถนัดเชาวน์ปัญญาของเด็ก                                                                 
        3.ด้านสังคม ช่วยให้ครู นักเรียน เข้าใจตนและผู้อื่น ปรับปรุงพฤติกรรมตนเอง
        4.ปกครองและการแนะแนว ให้ครูเข้าใจเด็กมากขึ้น อบรมแนะนำ ควบคุมดูแลในเด็กอยู่ในระเบียบ เสริมสร้างบุคลิกภาพ ปรับตัวได้อย่างเหมาะสม
ผลการเรียนรู้ของจอห์น ดิวอี้
       การจัดกระบวนการเรียนรู้ที่เน้นการปฏิบัติจริง เป็นการเรียนรู้ในแบบ Learning by doing ผู้เรียนจะเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้ แนวคิดนี้จะจัดการสอนแบบโครงการเป็นการสอนที่ให้ผู้เรียนได้เรียนจากการปฏิบัติจริง เป็นการเรียนจากประสบการณ์ตรง

ผลการเรียนรู้ตามแนวทฤษฎีประสบการณ์ของจอห์น ดิวอี้

1.            ผู้เรียนมีความสุขกับการเรียนได้เรียนรู้อย่างสนุกสนานโดยผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย และสื่อที่เร้าความสนใจ 

2.             ผู้เรียนได้เรียนรู้ตามความสนใจ ตามความถนัดและศักยภาพด้วยการศึกษา

3.            กิจกรรมกลุ่มช่วยเสริมสร้างลักษณะนิสัยที่พึงประสงค์ เกิดกระบวนการทำงาน เช่น มีการวางแผนการทำงาน มีความรับผิดชอบ

4.             ผู้เรียนเกิดกระบวนการคิดจากการร่วมกิจกรรมและการค้นหาคำตอบจากประเด็นคำถามของผู้สอนและเพื่อน ๆ

5.             ทุกขั้นตอนการจัดกิจกรรม จะสอดแทรกคุณธรรมและจริยธรรม เพื่อให้ผู้เรียนได้ซึมซับสิ่งที่ดีงามไว้ในตนเองอยู่ตลอดเวลา                                                  

6.             คำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลในการเรียนรู้และการปฏิบัติงาน โดยให้แต่ละคนเรียนรู้เต็มตามศักยภาพของตน มุ่งให้ผู้เรียนแข่งขันกับตนเองและไม่เล็งผลเลิศจนเกินไป 

ผลการเรียนรู้ของวิลเลียม เจมส์

       1. มีกระบวนการพิสูจน์ ความจริง พิสูจน์ให้เห็นจริง สามารถอธิบายได้ และก่อให้เกิดผลหรือ ประโยชน์ในประสบการณ์ของเรา
      2. มีกระบวนการนำทาง ความคิดที่ผ่านกระบวนการพิสูจน์แล้ว จะต้องสามารถเชื่อมโยงไปอธิบายเรื่องอื่นได้
               
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี
         กระดานอัจฉริยะกระดานอัจฉริยะนั้นเปรียบเสมือนจอรับภาพขนาดใหญ่ซึ่งสามารถที่จะสัมผัสได้โดยตรงที่ตัวกระดานอัจฉริยะได้เลยนั้นเอง การทำงานจะคล้าย ๆ กับโทรศัพท์ระบบสัมผัส (I-phone) ในปัจจุบันนี้ต้องยอมรับว่ากระดานอัจฉริยะนั้นได้มีการนำเข้ามาใช้งานกันอย่างแพร่หลายแล้ว  ใช้ปากกาเฉพาะในการเขียนหรือสัมผัส สามารถเขียนได้พร้อมกันมากกว่า 2 คน มีซอฟแวร์สื่อการเรียนการสอน พร้อมซอฟแวร์กระดาน มีโปรแกรมช่วยสนับสนุนการเรียนการสอนมากมาย เช่น สร้างหน้ากระดาษขาว, ปากกาเขียนรูปแบบต่างๆ,คลังภาพเคลื่อนไหว, บันทึกวีดีโอ
           เทคโนโลยีก่อประโยชน์แก่ระบบการศึกษามากขึ้น การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการศึกษาสามารถเร่งอัตราการเรียนรู้ให้เร็วขึ้น ลดภาระทางด้านการบริหารของครูและยังทำหน้าที่แทนครูในการถ่ายทอดเรื่องราวหรือข่าวสารประจำวันต่าง ๆ                                                         
           เทคโนโลยีทำให้การสอนมีพลังยิ่งขึ้น ระบบการสื่อสารในปัจจุบันได้ช่วยเพิ่มความสามารถให้กับคนเรา ดังนั้นสื่อการสอนในยุคใหม่นี้จึงสามารถจำลองสถานการณ์จริง ช่วยร่นระยะทางและเหตุการณ์ที่อยู่คนซีกโลกมาสู่นักเรียนได้
            เทคโนโลยีสามารถทำให้เกิดความเสมอภาคของการศึกษามากขึ้น ทุกคนสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีได้ทุกหนแห่ง เทคโนโลยีพร้อมที่จะหยิบยื่นความรู้ให้แก่ทุกคนเสมอ

 แบบฟอร์มสำรวจข้อมูลพื้นฐาน

ด้าน
รายการ
วิธีการ
เครื่องมือ
แหล่งข้อมูล
เศรษฐกิจ
รายได้
สืบค้น
แบบบันทึก
อบต.
ที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน
ภาษีที่ดิน
สืบค้น
แบบบันทึก
อบต.
รายจ่าย
สอบถาม
แบบสอบถาม
ประชากรในชุมชน
อาชีพ
สำรวจ
แบบสำรวจ
ประชากรในชุมชน
อบต.
ภาวะหนี้สิน
สืบค้น
แบบบันทึก
อบต.
ปัญหาทางเศรษฐกิจ
สัมภาษณ์
สัมภาษณ์
ตัวแทนชุมชน



                         บันทึกการเรียนรู้นอกชั้นเรียน

วันอาทิตย์ที่ 7  กรกฎาคม 2556  ได้ไปศึกษาเกี่ยวกับการวางแผนที่จะพัฒนาหลักสูตร ที่แต่ละกลุ่มได้เตรียมพร้อมที่จะคิดค้นพัฒนาหลักสูตรของตัวเองซึ่งอาทิตย์นี้ได้ไปเตรียมเกี่ยวกับการวางแผนการพัฒนาหลักสูตร

 การวางแผนเพื่อพัฒนา หลักสูตร

สิ่งที่จะขาดเสียไม่ได้ในการทางานอย่างเป็นระบบ สามารถที่จะตรวจสอบความก้าวหน้าข้อผิดพลาด และอุปสรรคต่าง ๆ ในการทางาน ก็คือ แผนการดาเนินงาน การกำหนดแผนที่เหมาะสมโดยคำนึงถึงข้อจากัดและความเป็นไปได้ จะช่วยให้ผู้พัฒนาทราบถึงทิศทาง เวลา และแหล่งข้อมูลสนับสนุนที่ชัดเจน ซึ่งจะช่วยให้การทางานมีโอกาสบรรลุผลตามเจตนารมณ์เพิ่มมากขึ้น

การทางานแทบจะทุกอย่างต้องอาศัยปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญและจำเป็น กล่าวคือ จะต้องเริ่มด้วย

 (1) บุคลากรที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในการพัฒนาหลักสูตรรายวิชา ครูผู้พัฒนาก็จะต้องพิจารณาดูว่านอกจากผู้พัฒนาแล้ว ยังจะต้องเกี่ยวข้องกับใครอีกบ้าง ในอันที่จะทาให้ได้ข้อมูลหรือได้รับการสนับสนุนในด้านอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิชาการ ผู้ทางานในสถานประกอบการ ศิษย์เก่าที่ทางานตรงกับความต้องการ ครูผู้สอนในรายวิชาข้างเคียง เป็นต้น

(2) สถานที่ แม้ว่าจะมีความจาเป็นรองลงมา แต่ก็มีความสำคัญที่จะเอื้ออานวยให้การทางานมีประสิทธิภาพมากหรือน้อยเช่นกัน นอกเหนือจากสถานที่ที่จะใช้ในการทางานวิเคราะห์ข้อมูลแล้ว ยังจะต้องพิจารณาถึงสถานที่ที่จะทาการเก็บข้อมูลอีกด้วย เช่น สถานประกอบการ โรงงาน ห้องสมุด เป็นต้น

 (3) วัสดุอุปกรณ์ เป็นสิ่งที่ต้องการและมีความจาเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมี วัสดุอุปกรณ์นอกเสียจากจะเป็นพวกเครื่องมือในการจัดทาเอกสารแล้ว ยังจะต้องคำนึงถึงเครื่องมือและอุปกรณ์ทางโสตทัศนูปกรณ์ที่จะช่วยอานวยความสะดวกในการเก็บข้อมูลด้วย

 (4) งบประมาณ นับว่าเป็นสิ่งจาเป็นที่สุดประการหนึ่ง การทางาน

ฉะนั้น ในการวางแผนดาเนินการพัฒนาหลักสูตรรายวิชา ก็จะต้องพิจารณาถึงปัจจัยในเรื่องงบประมาณด้วยว่า จะต้องใช้มากน้อยแค่ไหน มีหนทางใดบ้างที่จะของบประมาณสนับสนุน หรือมีทางใดบ้างที่จะประหยัดทาให้ค่าใช้จ่ายลดน้อยลง และ    เวลาที่จะต้องใช้ในการทางาน ซึ่งจะรวมตั้งแต่เวลาในการเตรียมการการดาเนินการ การทดลองใช้ การประเมินผล และการปรับปรุงแก้ไขหลักสูตรรายวิชา การพิจารณาเวลาที่เหมาะสมจะทาให้การดาเนินงานสู่เป้าหมายรวดเร็วขึ้น ซึ่งก็หมายถึงจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการทางานลงได้ด้วย

จึงอาจกล่าวได้ว่า ปัจจัยพื้นฐานที่จะต้องคำนึงถึงในการวางแผนพัฒนาหลักสูตรรายวิชาก็คือ (1) บุคลากร (2) สถานที่ (3) วัสดุอุปกรณ์ (4) งบประมาณ และ (5) เวลาที่จะต้องใช้ในการดาเนินงานให้สำเร็จตามวัตถุประสงค

อ้างอิง

1. Romiszowski, A.J. Designing Instructional Systems, New York; Nichols Publishing, 1981.

2. Mager, R.F. and Beach, K.M. Developing Vocational Instruction, Belmont; Fearon Publishing, 1967

 


                       

 




 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น